นักแสดงจาก Fatal Intuition จูวอนไม่คิดจะหยุด
ดาราหนุ่มเจิดจรัสทั้งในละคร ภาพยนตร์และมิวสิคัล
คงยากที่จะหานักแสดงวัย 20 ที่มีผลงานมากมายและเป็นที่ชื่นชมอย่างกว้างขวางเท่ากับจูวอน
ไม่นานหลังจากจบบทคุณหมออัจฉริยะในละครโด่งดังแห่งปีอย่าง Yong Pal ตอนนี้จูวอนกลายเป็นชายหนุ่มสิ้นหวังเมื่อน้องสาวสุดที่รักถูกฆ่าตายโดยฆาตรกรต่อเนื่องลึกลับใน “Fatal Intuition” ที่เข้าฉายไปเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม
นอกจากจะสามารถแสดงฝีมือทั้งจอเงินและจอแก้วได้แล้ว จูวอนยังคงแสดงมิวสิคัล ซึ่งเป็นที่แจ้งเกิดของเขา จูวอนรับงานแสดงอย่างน้อย 2-3 เรื่องต่อปี
อะไรทำให้จูวอนทำงานอย่างไม่หยุดไม่หย่อนแบบนี้ JoongAng Ilbo พูดคุยกับจูวอนเรื่องอาชีพการแสดงที่เขากำลังโลดแล่นอยู่ และอื่นๆอีกมากมาย
Q: คุณคิดอย่างไรกับหนังเรื่อง “Fatal Intuition”
A: ได้ฟังครั้งแรกก็ชอบเลยครับ เหมือนผมได้แสดงอีกด้านหนึ่งของผมออกมา ผมทุ่มเทและตื่นเต้นกับการแสดงหนังเรื่องนี้มาก หลังจากถ่ายจบ ผมมั่นใจว่าผมได้ประสบการณ์ใหม่จากหนังเรื่องนี้มาเต็มๆ ผมโตขึ้นในทุกๆงานที่ผมทำ แต่กับ“Fatal Intuition” ผมรู้สึกว่ามันเป็นก้าวใหญ่สำหรับผมเลยครับ
Q: ได้ยินมาว่ามีฉากนึงที่คุณร้องไห้ไม่หยุดแม้ว่าผู้กำกับจะสั่งคัตแล้วก็ตาม
A: ใช่ครับ เป็นฉากที่จางอูควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้วก็ถูกจับเข้าคุก เขาอยากจะฆ่าฆาตรกรเลือดเย็นที่อยู่ตรงหน้า ผมไม่เคยร้องไห้ฟูมฟายขนาดนั้นมาก่อนในชีวิต ผมได้ยินผู้กำกับสั่งคัตแล้วแต่ผมหยุดร้องไห้ไม่ได้ ผมไม่รู้ตัวเลยว่าผมจะแสดงได้แบบนั้น เป็นประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมจริงๆครับ
Q: จางอูเป็นคนเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองตอนที่ตามหาฆาตรกร คุณเป็นคนอย่างนั้นหรือไม่
A: คงใช่ครับ ผมเชื่อว่าถ้าเรารู้สึกว่าสัญชาตญาณนั้นมันแรงกล้า มันคงต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง ผมรู้ว่าบางทีสัญชาตญาณก็อาจจะกลายเป็นความสงสัยและความหมกมุ่นได้
Q: คุณใช้สัญชาตญาณในการเลือกบทหรือเปล่า
A: ผมใช้ความรู้สึกครับ เวลาเจอบทที่ทำให้ผมร้องไห้ไปกับมันได้ หรือทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดได้ ผมก็มักจะเลือกบทนั้นน่ะครับ มีหลายบทที่ทำให้คุณอินได้ นั่นเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกกับ กูมาจุน ใน “King of Baking, Kim Tak-gu” หลายคนบอกเขาเป็นตัวร้าย แต่ผมสงสารเขาจับใจเลยครับ
Q: ที่คุณรับงานสลับกัน ทั้งงานหนัง งานละคร และละครเวที เป็นเพราะคุณมั่นใจในฝีมือของตัวเองหรือไม่มั่นใจจนต้องฝึกฝนบ่อยๆกันแน่
A: ผมเป็นคนประเภทที่คิดว่าเราจะเรียนรู้จากการทำงานมากกว่าจากการพักผ่อนน่ะครับ อาจเป็นเพราะผมมีความมุ่งมั่น เวลาได้บทดีๆ ก็ไม่อยากเสียบทนั้นให้ใคร นั่นเป็นเพราะผมไม่มั่นใจหรือเปล่านะ (ขำ)
Q: แม้ผลงานละครของคุณส่วนใหญ่จะโด่งดัง แต่กับหนัง อาจจะไม่ใช่แบบนั้น คุณได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งนี้
A: ผมเรียนรู้ว่าการแสดงหนังยากมากครับ ผมแทบจะใจสลายเมื่อรู้ว่าหนังที่ผมทุ่มสุดตัวไม่ทำรายได้ใน Box Office ผมกลัวว่าตัวเองจะรู้สึกแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้บอกว่าหนังทุกเรื่องที่ผมเล่นจะเจ๊งนะครับ ที่ผมจะบอกก็คือ ทุกอย่างที่ผมทำไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จไปเสียหมด ผมว่านี่คือสิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากสิ่งนี้ครับ
Thai Translation : Tang Prangthaya
Source : http://mengnews.joins.com/view.aspx?gCat=020&aId=3011153